สัตว์ครึ่งบกครึ่งน้ำ
จระเข้
จระเข้ (อังกฤษ: Crocodile) เป็นวงศ์ของสัตว์เลื้อยคลานขนาดใหญ่
ใช้ชื่อทางวิทยาศาสตร์ว่า Crocodylidae อยู่ในอันดับจระเข้ มีลักษณะโดยรวมคือ
ส่วนปลายของหัวแผ่กว้างหรือเรียวยาว ขากรรไกรยาวและกว้าง
เมื่อหุบปากแล้วจะเห็นฟันซี่ที่ 4 ของขากรรไกรล่างเนื่องจากขอบปากบนตรงตำแหน่งนี้เป็นรอยหยักเว้า
ส่วนปลายของขากรรไกรล่างข้างซ้ายและข้างขวาเชื่อมต่อกันเป็นพื้นที่แคบ
กระดูกเอนโทพเทอรีกอยด์อยู่ชัดกับแถวของฟันที่กระดูกแมคซิลลา
กระดูกพาลามีนมีก้านชิ้นสั้นอยู่ทางด้านหน้าและไม่ถึงช่องในเบ้าตา
พื้นผิวด้านบนของลิ้นไม่มีสารเคอราติน ต่อมขจัดเกลือบนลิ้นมีขนาดใหญ่
มีก้อนเนื้อที่ปลายปากนูนสูงที่ช่องเปิดรูจมูกเรียกว่า "ก้อนขี้หมา"
หรือ "หัวขี้หมา"[2] ซึ่งจะแตกต่างออกไปตามชนิดและเพศหรือขนาด
โคนหางเป็นกล้ามเนื้อมัดใหญ่และแข็งแรงเรียกว่า "บ้องตัน"
ใช้ในการฟาดเพื่อป้องกันตัว หางแบนยาวใช้โบกว่ายน้ำ จระเข้
ถือเป็นสัตว์ที่อยู่บนสุดของห่วงโซ่อาาหร
เนื่องจากเป็นสัตว์ผู้ล่ากินเนื้อขนาดใหญ่ ที่ไม่มีศัตรูตามธรรมชาติ
ยกเว้นจระเข้ในวัยอ่อน ที่ตกเป็นอาหารของสัตว์ขนาดใหญ่กว่าชนิดต่าง ๆ ได้
จระเข้ตัวโตเต็มวัยจะมีพฤติกรรมกินอาหารแบบหมุนตัว กล่าว คือ
เมื่อจับเหยื่อที่มีขนาดใหญ่ขณะอยู่ใต้น้ำและต้องการกินเหยื่อจะใช้ปากงับไว้และหมุนตัวเองเพื่อฉีกเนื้อเหยื่อออกเป็นชิ้น
ส่วนเหยื่อที่มีขนาดเล็กถูกบดให้แหลกด้วยลิ้นขนาดใหญ่โดยใช้ลิ้นดันเหยื่ออัดแน่นกับเพดานของอุ้งปาก
นอกจากนี้แล้วจระเข้ยังกลืนก้อนกรวดหรือก้อนหินเข้าไปในกระเพาะเพื่อช่วยในการบดอาหารด้วย
[3]
ซาลาเมนเดอร์
มีรูปร่างส่วนมากมีขา 2
คู่ และมีหาง ลำตัวสั้นและมีกล้ามเนื้อลำตัวลักษณะเป็นปล้องเล็กน้อย
บางชนิดที่อาศัยอยู่ในน้ำมีลำตัวเรียวยาวและลดรูปของขา เช่น สกุล Amphiuma,
Siren, Oedipina, Pseudobranchus ส่วนมากได้ลดรูปจำนวนชิ้นของกระดูกกะโหลก
และตัวเต็มวัยมีขนาดแตกต่างกันมาก คือ ระหว่าง 3
เซนติเมตร จนถึงเกือบ 2 เมตร ตัวเต็มวัยมีบางส่วนอาศัยอยู่บนบก
แต่ผสมพันธุ์ในน้ำ แต่บางชนิดก็อาศัยและผสมพันธุ์กันบนบก
หรืออาศัยอยู่แต่ในน้ำและผสมพันธุ์กันในน้ำ หรืออาศัยอยู่บนต้นไม้ ซาลาแมนเดอร์ไม่มีช่องหูชั้นกลางและไมมีแผ่นเยื่อแก้วหู
โครงสร้างใช้รับฟังเสียงประกอบด้วยกระดูกคอลิวเมลลา และกระดูกโอเพอคิวลัม
โครงสร้างทั้ง 2 นี้อาจเป็นกระดูกอ่อนหรือเป็นกระดูกและเชื่อมต่อกับหูชั้นใน
กระดูกคอลิวเมลลาใช้รับฟังคลื่นเสียงในอากาศ ส่วนกระดูกโอเพอคิวลัมที่เชื่อมต่อกับกระดูกซูปราสคาพูลาของกระดูกหัวไหล่และกล้ามเนื้อใช้รับฟังคลื่นเสียงคลื่นความถี่ต่ำในอากาศและแรงสะเทือนบนพื้นดิน
อย่างไรก็ตามซาลาแมนเดอร์ในหลายวงศ์ก็ไม่มีกระดูกโอเพอคิวลัมและหรือไม่มีกล้ามเนื้อ
แมวน้ำ
แมวน้ำ เป็นสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมในวงศ์ Phocidae (ไม่มีใบ)
และวงศ์ Otariidae (มีใบหู)ชื่อทางวิทยาศาสตร์
: Arctocephalus pusillus
pusillu ลักษณะทั่วไป : ตัวผู้ใหญ่กว่าตัวเมีย
โดยมีคอเป็นสันใหญ่ สีขนลำตัวของตัวผู้เป็นสีเทา-ดำ และมีสีน้ำตาลแซม น้ำหนักราว
247 กิโลกรัม ความยาว 2.15 เมตร ตัวเมียมีสีลำตัวเป็นสีน้ำตาล-เทา น้ำหนักราว 57
กิโลกรัม และมีความยาว 1.56 เมตร ถิ่นอาศัย, อาหาร : ออกจับปลาในทะเลใกล้เกาะเล็ก ๆ
และขึ้นฝั่งบนเกาะบริเวณชายหาดที่เป็นโขดหินที่มีการขึ้นลงของน้ำทะเลในเขตแอฟริกาใต้
กินปลาเป็นอาหารหลักรวมทั้งปลาหมึกและหอย พฤติกรรม, การสืบพันธุ์ :
แมวน้ำเคปเฟอร์ซีลเป็นสัตว์สังคม อยู่รวมกันเป็นฝูงใหญ่
ชอบล่าเหยื่อและหากินตามผิวน้ำหรือน้ำตื้นๆ หากินปลาตามเรือของชาวประมง
ในช่วงกลางเดือนตุลาคม
ตัวผู้จะไปยังพื้นที่ผสมพันธุ์ซึ่งเป็นชายหาดที่เป็นโขดหินและประกาศอาณาเขต
อีกหลายสัปดาห์ต่อมาตัวเมียจะตามเข้ามาเพื่อออกลูกจำนวน 1 ตัว
ซึ่งจะมีตัวเมียหลายตัวเข้ามาในอาณาเขต
ตัวผู้ที่ครองอาณาเขตจะไล่ตัวผู้ตัวอื่นออกนอกอาณาเขตหากล้ำเข้ามา จนกว่ามันจะได้ผสมพันธุ์กับตัวเมียทุกตัว
ตัวเมียจะเป็นสัดหลังการออกลูก 5 - 6 วัน และมีระยะการตั้งท้องนานประมาณ 1 ปี
สถานภาพปัจจุบัน : สถานที่ชม : สวนสัตว์เชียงใหม่ ข้อมูลเพิ่มเติม : UNEP-WCMC Species Database [1]
แมวน้ำ
นกแพนกวิน
เพนกวินมีถิ่นอาศัยอยู่บริเวณซีกโลกทางใต้หรือขั้วโลกใต้
เป็นนกที่บินไม่ได้ มีลักษณะเด่นคือ มีขนสีดำที่ด้านหลัง
และขนสีขาวที่ด้านหน้าท้อง ซึ่งช่วยป้องกันเพนกวินจากสัตว์นักล่าต่าง ๆ
เวลาว่ายน้ำ ปีกของเพนกวินมีลักษณะคล้ายครีบปลา ช่วยในการว่ายน้ำ
แต่ไม่สามารถใช้ปีกในการบินเหมือนนกทั่วไป เพนกวินไม่สามารถหายใจในน้ำได้แต่สามารถกลั้นหายใจได้นานมากในน้ำ
ร้อยละ 75 ของชีวิตเพนกวินจะอาศัยในน้ำ เพนกวินสามารถว่ายน้ำได้เร็วเฉลี่ยประมาณ
22- 24 กิโลเมตร/ชั่วโมง และสามารถดำน้ำได้ลึกถึง 250 เมตร
ตีนของเพนกวินเป็นพังผืดเหมือนตีนเป็ด ใช้ได้ดีเวลาว่ายน้ำหรือดำน้ำ
แต่เมื่อเดินบนบกแล้ว เพนกวินจะเดินตัวตรง[3] แต่จะทำให้เดินอย่างช้า ๆ
ซึ่งเพนกวินมีวิธีการเคลื่อนที่บนบกที่เร็วกว่าและใช้ได้ผลดีกว่าการเดิน นั่นคือ
การไถลตัวไปตามทางลาดชันหรือพื้นที่ลื่นเป็นน้ำแข็ง [4]
เพนกวินออกลูกเป็นไข่
เมื่อเพนกวินตัวเมียออกลูกจะให้ตัวผู้กกไข่ ส่วนตัวเมียจะออกไปหาอาหาร ซึ่งได้แก่
ปลา,
ครัสเตเชียน หรือหมึก
ลูกเพนกวินแรกเกิดจะมีขนสีเทา เมื่อโตขึ้นขนสีเทาจะค่อย ๆ
เปลี่ยนเป็นสีดำที่ด้านหลัง และขนสีขาวที่ด้านหน้าท้อง
เพนกวินจะมีพฤติกรรมการทำรังที่ต่างออกไปตามแต่ละชนิด บางชนิดทำรังใกล้ทะเล
แต่บางชนิดทำรังในป่ามะเลาะ[5] หรือพื้นที่ในชุมชนของมนุษย์ เช่น ใต้ถุนบ้าน
หรือในสวนหลังบ้าน ก็มี[3] เพนกวินทุกชนิดจะอาศัยอยู่ในบริเวณที่มีอากาศหนาว
ทำให้เพนกวินต้องมีชั้นไขมันที่หนาเพื่อช่วยในการกักเก็บความร้อนจากร่างกาย
และเป็นอาหารในช่วงที่คลาดแคลน ขนของเพนกวินมี 2 ชั้น ชั้นในทำหน้าที่เหมือนขนของนกทั่วไป
ส่วนชั้นนอกจะมีไขมันเคลือบไว้ เพื่อป้องกันน้ำ ความหนาวเย็น และลมหนาวจากภายนอก
เพนกวินจะผลัดขนปีละครั้ง ขนที่เก่าและเสียหายจะหลุดออก
และขนใหม่จะขึ้นอย่างรวดเร็ว
เนสซี
หรือ อีลาสโมซอรัส สัตว์เลื้อยคลานที่อาศัยในทะเลยุคเดียวกับไดโนเสาร์ มีผู้อ้างว่าเคยพบเห็นถึงปัจจุบันกว่านับไม่ถ้วน และมีรูปถ่ายทั้งภาพนิ่งและภาพยนตร์มากมาย [1]โดยหลักฐานแรกสุดที่มีบันทึกถึงเนสซี คือ บันทึกของอดัมแนน ระบุว่า ในวันที่ 22 สิงหาคม ค.ศ. 565 เซนต์โคลัมบา ขณะเดินทางมาสู่ที่ราบสูงสกอตแลนด์เพื่อดึงพวกนอกรีตเข้าสู่ศาสนา ได้ทำพิธีไล่ปีศาจแม่น้ำที่อาศัยอยู่ในแม่น้ำเนสส์ที่เรียกว่า "พิกติส" ซึ่งได้ฆ่าคนไปแล้วหนึ่งคน โดยการส่งตัวแทนลงไปว่ายในน้ำเพื่อล่อปีศาจ แต่ทว่าไม่ได้มีการบรรยายถึงลักษณะของปีศาจตนนี้ มีแต่เพียงบันทึกไว้ว่าน้ำปั่นป่วนเท่านั้นเอง ขณะที่ความเชื่อเรื่องปีศาจหรือสัตว์ขนาดใหในน้ำ ของซีกโลกทางเหนือแบบนี้ก็มีในพื้นที่อื่น เช่น สแกนดิเนเวีย หรือไว
หรือ อีลาสโมซอรัส สัตว์เลื้อยคลานที่อาศัยในทะเลยุคเดียวกับไดโนเสาร์ มีผู้อ้างว่าเคยพบเห็นถึงปัจจุบันกว่านับไม่ถ้วน และมีรูปถ่ายทั้งภาพนิ่งและภาพยนตร์มากมาย [1]โดยหลักฐานแรกสุดที่มีบันทึกถึงเนสซี คือ บันทึกของอดัมแนน ระบุว่า ในวันที่ 22 สิงหาคม ค.ศ. 565 เซนต์โคลัมบา ขณะเดินทางมาสู่ที่ราบสูงสกอตแลนด์เพื่อดึงพวกนอกรีตเข้าสู่ศาสนา ได้ทำพิธีไล่ปีศาจแม่น้ำที่อาศัยอยู่ในแม่น้ำเนสส์ที่เรียกว่า "พิกติส" ซึ่งได้ฆ่าคนไปแล้วหนึ่งคน โดยการส่งตัวแทนลงไปว่ายในน้ำเพื่อล่อปีศาจ แต่ทว่าไม่ได้มีการบรรยายถึงลักษณะของปีศาจตนนี้ มีแต่เพียงบันทึกไว้ว่าน้ำปั่นป่วนเท่านั้นเอง ขณะที่ความเชื่อเรื่องปีศาจหรือสัตว์ขนาดใหในน้ำ ของซีกโลกทางเหนือแบบนี้ก็มีในพื้นที่อื่น เช่น สแกนดิเนเวีย หรือไว
เชื่อว่าเนสซีมีรูปร่างคล้ายเพลสิโอซอรักิ้ง[3]
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น